น้ำขิง เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอีกชนิดที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะประโยชน์ของขิงเด็ดดวงจริง ๆ ยิ่งดื่มเป็นประจำจะช่วยแก้ได้หลายอาการเลย ขิงเป็น สมุนไพรเพื่อสุขภาพ ที่บ้านเราใช้ทั้งทำอาหาร ใช้เป็นส่วนประกอบของยาสมุนไพร หรือนำมาทำเป็น เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ดื่มแก้กระหายก็ได้ และหากใครกำลังมองหาเครื่องดื่มที่จะช่วยเพิ่มความเฮลธ์ตี้ได้อย่างเต็มที่ แนะนำเป็น น้ำขิง แก้วนี้นี่ล่ะค่ะ เพราะขิงมีสรรพคุณแจ่ม ๆ 1. ช่วยย่อยอาหาร แก้อาการท้องอืด สารประกอบฟีโนลิกในขิงมีส่วนช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองในลำไส้ พร้อมทั้งยังมีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร นอกจากนี้ขิงยังมีฤทธิ์กระตุ้นการบีบตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้อย่างอ่อน ส่งผลให้อาการท้องอืด แน่นท้อง และอาการท้องเฟ้อบรรเทาลงได้ 2. บรรเทาอาการคลื่นไส้ ฤทธิ์ร้อนของขิงเป็นยาแก้อาการคลื่นไส้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอาการคลื่นไส้ที่เกิดจากความผิดปกติของกระเพาะอาหารและลำไส้ ที่ได้รับสารเคมีหรืออาหารแสลงบางอย่างมา นอกจากนี้ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Support Care Cancer เมื่อปี 2012 ยังบอกด้วยว่า การดื่มน้ำขิงเป็นประจำทุกวันจะสามารถลดอาการคลื่นไส้ในผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัดได้ด้วยนะคะ 3.
ขิงช่วยรักษาอาการปวดไมเกรน ขิงสามารถใช้รักษาอาการปวดศีรษะได้ ทั้งชนิดปวดแบบสองข้าง และข้างเดียวหรือไมเกรน ผู้ที่มีอาการปวดศีรษะบ่อยๆ แนะนำให้ดื่มน้ำขิงเข้มข้นเป็นประจำ หรือไม่ก็รับประทานขิงสดบ่อยๆ สารเคมีที่อยู่ในขิงจะสามารถปรับสารไอโคซานอยด์ (eicosanoid) ทำให้อาการปวดศีรษะบรรเทาลง ซึ่งยังมีข้อมูลในการใช้ขิงเพื่อบรรเทาอาการปวดในร่างกาย จึงถือได้ว่าขิงเป็นสมุนไพรอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ป่วยไมเกรน และหากใครชื่นชอบการดื่มน้ำขิงอยู่แล้ว ก็สามารถจิบน้ำขิงอุ่นๆ เวลาปวดไมเกรนได้เช่นกัน 7. ขิงช่วยบรรเทาอาการของโรคภูมิแพ้ ขิงเป็นมือปราบโรคภูมิแพ้ได้ชะงัด เพราะในขิงมีความเผ็ดร้อนที่พอดี ความร้อนของขิงเมื่อรับประทานเข้าไป จะไปช่วยรักษาอุณหภูมิในร่างกายให้อบอุ่นตลอดเวลา ขิงจึงไปช่วยลดอาการ ไอ จาม และลดน้ำมูกได้ คุณสมบัติของขิงอีกอย่าง เมื่อขิงให้ความร้อน ขิงจึงเป็นตัวเปิดทางให้เลือดลมเดินได้สะดวก ขิงไปเปิดเส้นเลือด ให้สารอาหารไปเลี้ยงทั่วร่างกาย ทำให้เลือดลมสูบฉีดไหลเวียนได้ดี การรับประทานอาหาร หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมจากขิงเป็นประจำ สามารถช่วยบำรุงร่างกายของท่านได้ดีเยี่ยม แต่อย่างไรก็ตามก็ควรอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมกับร่างกาย และควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่เป็นดีที่สุด
ประโยชน์ของน้ำขิง…ดื่มอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ? ประโยชน์ของน้ำมะนาว…ดื่มอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ? ประโยชน์ของน้ำมะตูม…ดื่มอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ? ประโยชน์ของน้ำใบบัวบก…ดื่มอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ? ประโยชน์ของน้ำเก๊กฮวย…ดื่มอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ? ประโยชน์ของน้ำกระเจี๊ยบ…ดื่มอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ? ประโยชน์ของน้ำใบเตย…ดื่มอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ? ประโยชน์ของน้ำผึ้ง…รับประทานอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ?
ขิง (Ginger) เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน นิยมแปรรูปมาทำเป็นเครื่องดื่ม น้ำขิง (Ginger Water) ทั้งแบบชงร้อนแล้วดื่ม หรือใส่น้ำแข็ง หรือรับประทานคู่กับขนม เช่น บัวลอยน้ำขิง เป็นต้น ขิงมีสรรพคุณทางยามากมาย ถ้าศึกษารายละเอียดแล้วดื่มให้ถูกต้อง พอเหมาะพอควร ก็จะมีประโยชน์ต่อร่างกายมากทีเดียว ประโยชน์ของน้ำขิง 1. ลดอาการท้องอืด ขิงเป็นสมุนไพรฤทธิ์ร้อน จึงช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบการขับถ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2. บรรเทาอาการปวดหัวไมเกรน การจิบน้ำขิงก่อนช่วงที่ไมเกรนจะกำเริบนั้น จะทำให้อาการปวดน้อยลง เพราะขิงมีสรรพคุณยับยั้งฮอร์โมนเกี่ยวกับอาการอักเสบได้ 3. ลดความเสี่ยงความดันโลหิตสูง น้ำขิงมีโซเดียมต่ำ จึงช่วยลดความดันโลหิตสูงได้ 4. ลดระดับน้ำตาลในเลือด ขิงมีฤทธิ์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด จึงเหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 แต่อย่างไรก็ตามควรรับประทานภายใต้การดูแลของแพทย์ 5. ป้องกันมะเร็ง ขิงกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์กลูตาไธโน-เอส-ทรานสเฟอเรส (Glutathione S-transferase) ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง 6. รักษากรดไหลย้อน การจิบน้ำขิงระหว่างวันบ่อยๆ จะช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อนได้ดี 7.
กินขิงแล้วดีอย่างไร ได้ประโยชน์อะไรบ้าง ขิง เป็นพืชสมุนไพรที่ประกอบไปด้วยสารอาหารต่างๆมากมาย เช่น วิตามิน A วิตามิน B วิตามิน C โปรตีน แคลเซียม โซเดียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก และแมกนีเซียม โดยส่วนที่นิยมนำมาใช้ประโยชน์ คือ เหง้าแก่ และเหง้าอ่อนทั้งสดและแห้ง รวมถึงแกนลำต้นอ่อน และใบ เรามาดูกันดีกว่าว่าสมุนไพรอย่างขิงนั้นมีประโยชน์อะไรบ้าง 1. ขิงช่วยลดน้ำหนัก ขิงช่วยลดน้ำหนักได้ เป็นสรรพคุณที่สาว ๆ หลายคนคงจะสนใจกันไม่น้อย เพียงแค่ดื่มน้ำขิงเป็นประจำวันละ 1-3 แก้ว ก็จะช่วยให้น้ำหนักเราลดได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะว่าน้ำขิงมีฤทธิ์ร้อน เมื่อดื่มเข้าไปแล้วความร้อนที่ได้จะเข้าไปช่วยเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไกลโคเจนได้ดีขึ้น เมื่อเผาผลาญดีจึงมีส่วนช่วยลดความอ้วนได้ดีมากขึ้นนั่นเองค่ะ 2. ขิงช่วยลดน้ำตาลในเลือด ต้านโรคเบาหวาน ขิงมีสารที่มีคุณสมบัติกระตุ้นการทำงานของอินซูลินในร่างกายเรา ช่วยเพิ่มอัตราการนำน้ำตาลในร่างกายไปใช้ได้มากขึ้น จึงมีผลทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง และปลอดภัยมากกว่าการใช้ยาลดระดับน้ำตาลในเลือด เพราะสามารถรับประทานได้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถรับประทานได้ในหลากหลายรูปแบบ แต่แนะนำว่าไม่ควรในรูปแบบของหวาน เพราะจะยิ่งเพิ่มระดับน้ำตาลเข้าไปอีก อาจจะทานเป็น 3.
ขิงช่วยให้ประสิทธิภาพของสมองดีขึ้น ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพของออสเตรเลีย Kathleen McFarlane ค้นพบว่า ผู้หญิงที่มีอายุในช่วง 50-60 ปี ที่รับประทานขิงเป็นประจำมีประสิทธิภาพของสมองดีขึ้น เพราะว่า ขิงมีส่วนช่วยให้ระบบการป้องกันเซลล์ประสาท (Neuroprotective function) ดีขึ้น นั่นก็หมายความว่า ขิงมีส่วนช่วยในการลดโอกาสการเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้ 4. ขิงมีฤทธิ์เป็นยาแก้ปวดลดอาการอักเสบ นอกจากจะช่วยบำรุงสมองแล้ว ขิงยังมีฤทธิ์เป็นยาแก้ปวดได้ดีอีกด้วย ซึ่งขิงมีประสิทธิภาพในการยับยั้งอาการอักเสบของข้อต่อและกล้ามเนื้อ เปรียบเสมือนยาบรรเทาปวด (Analgesic) สำหรับการบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ การรับประทานอาหารที่ประกอบด้วยขิงควบคู่กับการรับประทานยาปฏิชีวนะ ช่วยให้อาการปวดกล้ามเนื้อหายได้ไวขึ้น Pam Stone ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจากประเทศออสเตรเลียกล่าว 5. ขิงสามารถลดอาการจุกเสียด สรรพคุณของขิงที่สามารถลดอาการจุกเสียดได้ดี เนื่องจากมีน้ำมันหอมระเหย ซึ่งสารออกฤทธิ์คือ เมนทอล (Menthol) ซีนีออล (Cineole) จะไปกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อที่ระบบทางเดินอาหารให้บีบตัวมากขึ้น จึงเกิดการขับลมออกมา ขิงยังช่วยป้องกันอาการคลื่นไส้อาเจียนระหว่างการเดินทาง ซึ่งขิงจะออกฤทธิ์โดยตรงต่อระบบทางเดินอาหาร ไม่ทำให้เกิดอาการง่วงนอน ดังฤทธิ์ข้างเคียงที่พบในยาแก้เมารถแผนปัจจุบัน 6.
ช่วยลดอาการอักเสบ ขิงอุดมไปด้วยสารต้านการอักเสบ และสารต้านอนุมูลอิสระก็ค่อนข้างสูงนอกจากนี้ในขิงยังมีสารจิงเกอร์รอล (Gingerol) ซึ่งมีฤทธิ์รุนแรงกว่าแอสไพริน และยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบภายในร่างกาย ดังนั้นหากดื่มน้ำขิงเป็นประจำ ก็จะช่วยป้องกันการอักเสบในร่างกายได้อีกทางหนึ่ง 7. เป็นยาลดปวด อย่างที่บอกว่าสารจิงเกอร์รอลมีฤทธิ์แรงกว่ายาแอสไพรินซะอีก ซึ่งก็สอดคล้องกับการศึกษาจาก University of Georgia ที่พบว่า การดื่มน้ำขิงเป็นประจำทุกวันมีส่วนช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเนื่องจากการออกกำลังกายได้ราว ๆ 25% เลย 8. แก้ปวดประจำเดือน คุณสมบัติข้อนี้ของขิงเป็นสิ่งที่สาว ๆ ทุกคนคู่ควรอย่างแรง โดยผลการศึกษาจาก University of Georgia พบว่า นอกจากขิงจะช่วยลดอาการปวดเมื่อยเนื้อตัวได้แล้ว น้ำขิงยังมีฤทธิ์บรรเทาอาการปวดประจำเดือนของสาว ๆ ได้ราว ๆ 47% เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียน และอาการท้องเสียที่สาว ๆ บางคนอาจจะเป็นระหว่างวันแดงเดือดได้ด้วย 9. ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง การศึกษาใน British Journal of Nutrition ระบุว่า น้ำขิงมีคุณสมบัติยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง อีกทั้งในน้ำขิงยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย และยังมีสารเคมีธรรมชาติที่ไปช่วยกระตุ้นเอนไซม์กลูตาไธโน-เอส-ทรานสเฟอรเรส สารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งที่จะชวยลดโอกาสเกิดเซลล์มะเร็งร้ายได้ ที่มา: คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ livestrong medicalnewstoday lifehack
ช่วยลดน้ำหนัก ผลการศึกษาของนักวิจัยชาวญี่ปุ่นที่ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Pharmaceutical Society of Japan ในปี 2008 พบว่า ขิงมีส่วนช่วยเพิ่มการทำงานของระบบเผาผลาญในร่างกาย ทำให้ร่างกายสามารถเผาผลาญไขมันได้มากกว่าปกติ จึงมีส่วนช่วยลดน้ำหนักได้ นอกจากนี้น้ำขิงอุ่น ๆ ยังสามารถช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย ลดอาการท้องผูก รวมทั้งลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นสาเหตุของความเครียด อันเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ร่างกายบริโภคไขมันมากขึ้นจนทำให้น้ำหนักขึ้นได้อีกด้วย 4. ฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรีย จากการทดลองน้ำที่ได้จากการแช่ขิงพบว่า น้ำขิงสามารถยับยั้งการเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและพยาธิชนิดต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งสารจิงเกอร์รอลในขิงยังมีอานุภาพมากพอจะลดโอกาสติดเชื้อต่าง ๆ ของร่างกายได้โดยเฉพาะหากเราดื่มน้ำขิงเป็นประจำทุกวัน สารจิงเกอร์รอลจะต่อสู้กับเชื้อไวรัสโรคหวัดและอาการไข้ได้อย่างเต็มที่ เราก็จะมีสุขภาพที่ดีห่างไกลจากโรคหวัดได้ง่าย ๆ 5. บำรุงรักษาสุขภาพช่องปาก สารจิงเกอร์รอลของขิงยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพช่องปากด้วยนะคะ โดยมีส่วนช่วยกำจัดเชื้อโรคอันเป็นสาเหตุของโรคเหงือกอักเสบและคราบพลัคในช่องปากเราได้อย่างมีประสิทธิภาพเชียวล่ะ 6.
framingtonco.com, 2024 | Sitemap